10เกณฑ์ตรวจสอบเพื่อบริหารจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#10_InventoryIndicatorsForEffectiveInventoryManagement
———————-//——————-
งาน Inventory management
ไม่ได้หมายเพียงถึงการ “รับ+นับ+เก็บ+ควบคุม”
สินค้าเข้า แล้วนำขึ้น Rack เท่านั้น
แต่งาน “การบริหารจัดการสต็อก (Inventory Management)” ที่แท้จริงยังหมายถึง “การเห็น และเข้าใจ” ความเป็นไปต่าง ๆ ของสต๊อกสินค้าทั้งหมดในกิจการเพื่อให้ สต๊อกสินค้ามีคุณภาพที่ดีด้วย
คำว่า “สต๊อกสินค้ามีคุณถาพ”
มีความหมายแตกต่างจากคำว่า “สินค้ามีคุณภาพ“
“สินค้ามีคุณภาพ” หมายถึง ตัวสินค้าที่กิจการผลิตหรือนำเข้ามาขายมีคุณภาพ (ซึ่งมีเกณฑ์ควบคุมโดยหน่วยงานตามมาตรฐานควบคุมต่าง ๆ)
แต่ “สต๊อกสินค้ามีคุณภาพ” หมายถึง สินค้าที่เก็บในคลังสินค้าเป็นรายการที่มีคุณภาพสามารถสร้างยอดขายได้ มาก หรือ น้อย หรือขายไม่ได้เลย เป็นสินค้าที่ยกเลิกผลิตการผลิตแล้ว หรือยัง แอ็คทีฟ อยู่ ฯลฯ
———————-//——————-
จำเป็นที่ Inventory Manager ต้องมีภาพของสินค้าแต่ละรายการอย่างครบถ้วนในทั้ง 10 เกณฑ์นี้ เพื่อสามารถบริหารจัดการ สต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
1) ABC Analysis: เข้าใจความสามารถด้าน Performance ของสินค้า
รู้จักกันดีในชื่อ ABC Analysis คือการจัดกลุ่มรายการสินค้าตามลำดับของยอดขายเฉลี่ยของสินค้า
สิ่งที่ต้องคำนึงถึง และพึงระวังในการจะประเมินจับกลุ่มสินค้า ABC Analysis ประกอบด้วย
เกณฑ์ในการจัดลำดับที่ต้องแตกต่างกันตามหมวดหมู่ หรือประเภทของสินค้า
เกณฑ์ด้านเวลาที่ใช้ในการคำนวณ Average sales
** ต้องเป็นระยะเวลาที่ครอบคลุมเพียงพอในการวัด performance ของตัวสินค้าทั้งครบ (ไม่เอายอดขายช่วงจัดรายการไปเปรียบกับช่วงการขายในเวลาปกติ)
** ต้องปรับเวลาให้เป็นการวัดที่เท่ากัน (สินค้าบางรายการขายครบทั้งปี ขณะที่บางรายการขายเพียงครึ่งปี หรือบางรายการขายเพียง 1 ไตรมาศ)

2) On hand Inventory: จำนวนวันที่ต้องใช้เพื่อขายสินที่มีอยู่จนหมด
3) Slow moving analysis: วิเคราะห์ปริมาณสินค้าและมูลค่าสินค้าที่ขายช้า เช่น ขายครั้งสุดท้ายเมื่อ 30 วัน/ 60 วัน/ 90 วัน/ 1 ปี แล้วไม่มีการขายอีกเลย อีกเลย
4) Aging Analysis: วิเคราะห์ปริมาณสินค้า และมูลค่าสินค้า ตามอายุของสต๊อกสินค้าที่รับเข้ามาตั้งแต่ครั้งสุดท้ายเป็นเวลากี่ เดือน / ปี แล้วมีมูลค่าเท่าไรบ้างในแต่ละช่วงของอายุสินค้า
5) Shelf Life analysis: วิเคราะห์ปริมาณสินค้าและมูลค่าสินค้า ตามอายุสินค้าที่เปรียบเทียบกับวันหมดอายุของสินค้า แล้วมีปริมาณสินค้าในแต่ละช่วงอายุมาก-น้อย เท่าไหร่ (สินค้ายังมีอายุ 30 วัน / 60 วัน / 90 วัน / ฯลฯ)
6) Discontinue Assortment Analysis: วิเคราะห์ปริมาณสินค้า และมูลค่าของสินค้าที่หยุดไลน์การผลิต หรือหยุดการนำเข้ามาแล้ว แต่ยังมีจำนวนสินค้าที่หน้าร้าน หรือคลังสินค้าอยู่มาก-น้อยเท่าไหร่
7) Inventory Level = 0 / Inventory < 0: วิเคราะห์จำนวนรายการสินค้าที่มีสต๊อกติดลบ หรือมีประมาณเป็น 0 หากรายการสินค้าเหล่านี้ เป็นสินค้าในกลุ่ม A นั่นหมายความว่าสินค้าไม่พอขายแล้ว ต้องจัดการแก้ไขปัญหา
8) Top 40 Highest Inventory Level (On Hand / Amount): วิเคราะห์มูลค่า Inventory ที่สูงที่สุด 40 รายการสินค้า
9) Top 20 Highest Inventory By Group of Product: วิเคราะห์มูลค่า Inventory ที่สูงที่สุด 20 หมวดหมู่สินค้า
10) Logistics Integration (On Time / Case Filled / Item filled): % การให้บริการส่งสินค้าของคู่ค้าแต่ละราย (ตรงเวลา / เต็มจำนวน)
หวังว่า Inventory manager ทุกท่านคงได้รับประโยชน์ และหากใครมีเกณฑ์อื่น ๆ ที่ช่วยให้การบริหารจัดการ Inventory ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ช่วยแชร์ไว้ที่ Comment ได้เลยคร้บ
ความรู้ที่ท่านแบ่งปัน เป็นวิทยาทานที่ทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นครับ
——————-// —————–
#ใครสนใจอยากรู้เรื่องใดเพิ่มก็Commentเข้ามานะครับ
#ร่วมกันสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน
——————-// —————–
Learn Excel With Pichart
Smart Excel for Better LIFE
จะมีการจัดคอร์สแบบนี้อีกไหม?ค่ะ
ตอนนี้ ติดสถานการณ์โควิดครับ จัดคอร์สสอนสดไม่ได้
ผมจึงทำเป็นคอร์สออนไลน์ สามารถสมัครเรียนได้เลยครับ https://excelchannel.com/product/prod-inventory-management-online/